Resilience skill หรือทักษะความยืดหยุ่น ล้มแล้วลุกให้ไว เป็นทักษะพื้นฐานที่มีความสำคัญมากต่อนักเรียนเพื่อการเรียนรู้และพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านการศึกษาต่างๆ โดยนักเรียนจะได้เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจและเพิ่มความสามารถในการปรับตัว เปิดรับผลลัพธ์ที่แตกต่างและยอมรับความผิดหวังด้วยความหวังใหม่ อีกทั้งทักษะ Resilience จะช่วยให้เด็กๆ มีความสุขในการเรียนและจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น
ทักษะ Resilience คืออะไร?
Resilience คือความสามารถในการปรับตัวและอดทนต่ออุปสรรค ความยากลำบาก และบาดแผลที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ใช้ชีวิต โดยสามารถดึงตัวบุคคลให้กลับมาจากความพ่ายแพ้ จัดการกับความเครียด และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่หมุนเวียนเข้ามาในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งบุคคลที่มีความยืดหยุ่นทางความคิดสูงจะมีความแข็งแกร่งทางอารมณ์มากขึ้น จัดการปัญหาได้ดี และมีทัศนคติเชิงบวกต่อสถานการณ์ต่างๆ เพราะพวกเขาจะมองว่าความท้าทายเป็นโอกาสในการเติบโตและเป็นพื้นที่เพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง
เหตุผลที่ทักษะ Resilience มีความสำคัญต่อนักเรียน
ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนเนื่องจากมีส่วนช่วยให้พวกเขาเอาชนะอุปสรรคในระหว่างเรียนรู้ได้ นักเรียนจะได้พัฒนากรอบความคิดเพื่อการเติบโต และประสบความสำเร็จทั้งด้านวิชาการและชีวิตส่วนตัว เมื่อความคิดมีความมั่นคงก็จะช่วยให้จัดการกับความเครียด ความผิดหวัง และรับมือกับความกดดันในชีวิตการเรียนได้
นักเรียนที่มีความยืดหยุ่นทางความคิดสูงและปรับตัวได้ดี ก็มีแนวโน้มที่จะมีความมั่นใจและนับถือตัวเองมากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพจิต สภาวะทางอารมณ์ รวมทั้งความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในโรงเรียนก็แน่นแฟ้นมากขึ้น นอกจากนี้ ทักษะความยืดหยุ่นยังช่วยเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต เนื่องจากเป็นทักษะที่มีประโยชน์ต่อพวกเขาเมื่อต้องออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อทักษะ Resilience ของนักเรียน
แน่นอนว่าการสร้างทักษะ Resilience และความยืดหยุ่นในตัวนักเรียนนั้นประกอบไปด้วยหลายๆ ปัจจัย เราลองแบ่งหมวดหมู่และความสำคัญของแต่ละปัจจัยมาให้ติดตามกัน
ครอบครัว
ครอบครัวถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นทางความคิดของลูกๆ หลานๆ เพราะผู้ปกครองคือผู้ดูแลหลัก พ่อแม่จึงมีฐานะเป็นแบบอย่างของลูกหลานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เด็กๆ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาได้ดีและมีความรู้สึกปลอดภัยที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคด้วยตัวเอง ในทำนองเดียวกัน เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ไม่สูง ก็อาจจะจัดการอารมณ์ของตัวเองเมื่อพบเจอปัญหาได้ไม่ดีนัก
สังคมแวดล้อม
สังคมแวดล้อมของเด็กๆ ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการคิดของพวกเขา เด็กที่มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกครอบครัวอย่างสม่ำเสมอท่ามกลางสังคมที่ปลอดภัย จะมีความมั่นใจในการเข้าสังคมมากกว่า หรือเด็กที่เข้าร่วมชมรมทางศาสนาก็จะถูกหล่อหลอมให้มีความเชื่อและแนวปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อความคิดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
ลักษณะเฉพาะบุคคล
ปัจจัยสุดท้ายคือลักษณะของบุคคล ทั้งความสามารถภายในและภายนอกที่เด็กๆ มี อาทิ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความเป็นเหตุเป็นผล อารมณ์ขัน ทักษะทางอารมณ์ที่ปรับตัวได้ และความรู้สึกมั่นใจในตนเอง เป็นต้น เด็กแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่เกิด แต่สามารถเรียนรู้และปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีการบ่มเพาะด้วยข้อมูลใหม่ๆ เพราะฉะนั้น แม้จะเป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยกันก็อาจจะมีความคิดนที่ต่างกันออกไป
5 วิธีสร้าง Resilience ให้กับนักเรียน
โรงเรียนนานาชาติ D-PREP เห็นความสำคัญของทักษะ Resilience ในระบบการศึกษา เราจึงส่งเสริมทักษะนี้อย่างมุ่งมั่นผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อเตรียมเด็กๆ ให้พร้อมกับการเข้าสู่สังคมโลกกว้าง
1. การเรียนรู้จากประสบการณ์
โรงเรียนนานาชาติ D-PREP เข้าใจดีว่าการก้าวออกจาก comfort zone เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโต ซึ่งต้องผ่านทั้งการเรียนรู้จากประสบการณ์ การสัมผัสสภาพแวดล้อมใหม่ เปิดได้รับทักษะที่มีค่า และปรับตัวเข้ากับสิ่งเหล่านั้นได้ นักเรียนของเราจะได้ออกไปลงพื้นที่ด้วยตัวเอง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียนอันมีค่า
สำหรับนักเรียนมัธยมต้นถึงมัธยมปลายจะได้ออกไปทำงานภาคสนามและพักค้างคืนเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตให้รอบด้าน เรารับประกันว่าจะมอบโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริงและพิสูจน์ความท้าทายด้วยตัวเอง
2. ส่งเสริมกิจกรรมนอก Comfort Zone
โรงเรียนนานาชาติ D-PREP สนับสนุนให้นักเรียนลองเลือกกิจกรรมที่หลุดพ้นจาก Comfort Zone ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้แข่งขันในรายการระดับนานาชาติและโปรแกรมต่างๆ เช่น XCL’s Got Talent และ XCL Exchange Program นอกจากนี้ เรายังมีกิจกรรมหลังเลิกเรียน หรือ After school program ที่ให้เลือกหลากหลายเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ โดยการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าสังคมและทำให้นักเรียนจัดการความรู้สึกได้ดีขึ้น
3. สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นในโรงเรียน
สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นในโรงเรียนช่วยหล่อเลี้ยงให้นักเรียนมีความยืดหยุ่นทางความคิดได้เช่นกัน นักเรียนจะได้รับการปลูกฝังให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีน้ำใจ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นอกจากนี้ โรงเรียนนานาชาติ D-PREP ยังมีนักจิตวิทยาคอยดูแลนักเรียนที่มีความต้องการปรึกษาหรือความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มั่นใจได้ว่าจะไม่มีเด็กคนไหนถูกทอดทิ้งในโรงเรียนของเรา
4. การเดินทางเพื่อเรียนรู้
ทุกๆ ปี โรงเรียนนานาชาติ D-PREP จะจัดการสำรวจการเรียนรู้หลายครั้งเพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและตรงกับความสนใจ อาทิ การทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรที่ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างเมื่อปีก่อน นักเรียนมัธยมต้นของเราได้อาสาเข้าร่วม Bangkok Help Community ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่รับบริจาคอาหารและสิ่งของอื่นๆ แล้วแจกจ่ายให้กับคนไร้บ้าน นักเรียนกลุ่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจดีๆ ในการก่อตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนของตนเองที่ชื่อว่า Fresh Hope Foundation คอยมอบโอกาสให้กลุ่มคนไร้บ้านและสร้างความหวังให้พวกเขาอีกครั้ง
5. กิจกรรมเพื่อค้นหาตัวเอง
เราให้ความสำคัญกับการค้นพบตนเองในการสร้างความยืดหยุ่นของนักเรียน ที่โรงเรียนนานาชาติ D-PREP เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจความสนใจ ความชอบ และพรสวรรค์ของตนเอง โดยหนึ่งในกิจกรรมล่าสุดของเรามีชื่อว่า “Passion Project” ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อค้นพบตัวเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกโรงเรียน
ความสำเร็จของโปรเจกต์นี้คือรายการซีรีส์ทอล์คที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้หลายๆ คนนึกถึง TED Talks ขึ้นมา นักเรียนจะได้ตามหาความฝันและเส้นทางที่ใช่ ไปพร้อมๆ กันการบ่มเพาะทักษะความยืดหยุ่นทางความคิดให้เติบโตขึ้น
Address :
D-PREP International School
38, 38/1-3, 39, Moo 6,
Bangna Trad Rd., Km. 8,
Bang Kaeo, Bang Phli District,
Samut Prakan, Thailand 10540
Email: admissions@dprep.ac.th
เบอร์ติดต่อ: 095-879-4944
Website : www.dprep.ac.th
Facebook: D-PREP International School
Line: @d-prep
IG : @dprepschool