หากจะให้ลองนึกถึงช่วงเวลาที่น่าจดจำในวัยเรียน สิ่งแรกที่คุณจะนึกถึงคืออะไร คุณอาจจะคิดถึงช่วงเวลาในคืนปาร์ตี้จบการศึกษาสุดชื่นมื่น หรือเหตุการณ์ที่น่าอายในชั้นเรียน อาจเพราะความทรงจำเหล่านั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่น่าจดจำ
ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำ สิ่งนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่ และผู้สอนจากทั่วโลกได้ใช้ประโยชน์จากแนวคิดนี้ เพื่อจัดทำการเรียนการสอนที่ให้ทั้งความสนุกและน่าจดจำจากการเรียนรู้ เทคนิคนี้เราเรียกว่ากันว่า Active learning หรือ การเรียนรู้แบบลงมือทำ
Active learning หรือ การเรียนรู้แบบลงมือทำคืออะไร
Active learning คือ วิธีการสอนที่ครูผู้สอนจะมีส่วนร่วมกับนักเรียนในแต่ละบทเรียนไม่ว่าจะเป็นการอภิปราย กิจกรรมการเล่นบทบาทสมมติ และวิธีการอื่น ๆ ซึ่งต่างจากการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมที่จะปล่อยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอน โดยการเรียนแบบ Active learning จะกระตุ้นให้นักเรียนได้เคลื่อนไหว และต้องใช้ประสาทสัมผัสเพื่อทำความเข้าใจบทเรียนอย่างสมบูรณ์
โดยปกติแล้วการเรียนรู้วิธีนี้จะเน้นให้นักเรียนทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดความกลมเกลียว เสริมสร้างทักษะทางสังคม (Social Skills) และพัฒนา Soft Skills
การเรียนแบบ Active learning สามารถเริ่มได้จากกิจกรรมง่าย ๆ ตั้งแต่การสะท้อนความคิด หรือการเขียนบันทึก ไปจนถึงกิจกรรมรวมกลุ่มใหญ่ๆ เช่น การทำวิทยานิพนธ์ และการเข้าร่วมกรณีศึกษาทั้งนอกและในชั้นเรียน ในการทำกิจกรรมกลุ่มนอกชั้นเรียน นักเรียนจะสามารถสำรวจทักษะชีวิตที่แตกต่างกัน และสัมผัสกับสภาพแวดล้อมหลากหลายภายนอกห้องเรียน
แม้ Active learning จะเป็นการกระตุ้นให้ครูผู้สอนต้องคิดนอกกรอบ และสอนในวิธีการที่ต่างออกไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ครูผู้สอนจะต้องละทิ้งการสอนแบบดั้งเดิม แต่ควรเสริมเทคนิค Active learning เข้าไป เพื่อให้บทเรียนเกิดความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้ของนักเรียน โดยมีเป้าหมายคือช่วยให้นักเรียนเข้าใจบทเรียนจากวิธีการที่ต่างกัน และช่วยให้ได้รับรู้ข้อมูลในแนวทางที่สนุกสนานและน่าจดจำ
ทำไม Active learning จึงสำคัญกับนักเรียน
การเรียนรู้แบบลงมือทำนั้น ดูเหมือนจะพูดง่ายแต่ทำยาก หากเทียบกับการเรียนรู้แบบดั้งเดิมแล้ว การเรียนรู้แบบลงมือทำนั้น ครูผู้สอนต้องมีความพยายามในการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และบทเรียนเพื่อให้เข้ากับรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียน
อย่างไรก็ตาม หากได้ทำการประยุกต์ใช้ Active learning ในชั้นเรียนโดยเฉพาะกับนักเรียนที่เป็นเด็กเล็ก วิธีการนี้จะส่งผลดีอย่างมากในการทำให้นักเรียนเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้และซึมซับข้อมูลใหม่ ๆ
การเรียนรู้แบบลงมือทำยังกระตุ้นให้นักเรียนอยากที่จะเรียนรู้ทักษะชีวิตต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ เมื่อนักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่ต้องลงมือทำ และสามารถออกความคิดเห็นได้ พวกเขาจะมีส่วนร่วมและมีส่วนรับผิดชอบในการเรียนรู้ของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาจะตระหนักได้มากขึ้นว่า ความคิดเห็นของตนนั้นจะส่งผลถึงตนเองและคนรอบข้างได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนหรือสมาชิกในกลุ่มเองก็ตาม
อีกสาเหตุหนึ่งที่การเรียนรู้แบบลงมือทำนั้นมีความสำคัญก็คือ ช่วยให้การเรียนรู้นั้นเกิดประสิทธิภาพและสนุกสนานมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่บทเรียนและสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้นั้นมีความยืดหยุ่น นักเรียนจะกลายเป็นผู้นำในการเรียนรู้ ซึ่งนั่นทำให้การเรียนมีความหมายมากยิ่งขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขารู้สึกถึงความเป็นผู้นำ ย่อมกระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบและเพิ่มความตระหนักในตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ท้ายที่สุด ความหลากหลายของ Active learning จะทำให้นักเรียนมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่สนุกสนาน และทำให้นักเรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็นที่จะเรียนรู้ และตั้งหน้าตั้งตาเรียนด้วยความรักในการเรียน ความต้องการใน life-long learning หรือการเรียนรู้ไปตลอดชีวิตนั้น ถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะสร้างข้อได้เปรียบให้เด็ก ๆ เป็นอย่างมาก เมื่อต้องเข้าสู่โลกของการทำงาน
ประโยชน์ของ Active Learning 5 อย่าง
1. พัฒนาทักษะทางสังคม
การเรียนรู้แบบลงมือทำช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารได้ดี ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น อีกทั้งยังช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม นอกจากนั้นการเรียนรู้แบบลงมือทำยังช่วยพัฒนาความฉลาดด้านอารมณ์ของนักเรียน ซึ่งถือเป็นทักษะที่มีคุณค่าในการเรียนรู้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเติบโตไปและตระหนักได้ว่า ตนเองไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ด้วยตัวคนเดียว
2. สอนให้นักเรียนกล้าที่จะเสี่ยง
เนื่องจากการเรียนแบบ Active Learning นั้นกระตุ้นให้นักเรียนต้องเป็นผู้นำในงานของตนเอง ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบงานของตน และต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนทำ เมื่อนักเรียนเริ่มต้นและตัดสินใจบางอย่างสำหรับทีมของตน นั่นย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำ อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้
3. ก่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์
ใน Active learningนั้น นักเรียนจำเป็นต้องมีความอดทน ไม่ย่อท้อ รวมถึงต้องพิจารณาความเชื่อของตนเองอย่างถี่ถ้วน พวกเขาต้องวิเคราะห์และประเมินงานของตนตามองค์ความรู้ที่มี
นอกเหนือจากการคิดวิเคราะห์ นักเรียนยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะสร้างแนวคิดใหม่ ๆ รวมไปถึงแนวคิดแบบนอกกรอบ นักเรียนจะได้เรียนรู้ในการสร้างความเชื่อมโยงแนวคิดที่เป็นนามธรรม และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จากบทเรียนที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน
4. เพิ่มพูนความจำในการเรียนรู้
เนื่องด้วย Active Learning จะกระตุ้นให้นักเรียนต้องลงมือทำ และมีส่วนร่วมในขั้นตอนการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น จึงมีแนวโน้มที่นักเรียนจะทำให้ขั้นตอนนั้นเป็นเรื่องของตนเอง และรู้สึกมีความเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทำ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความเชื่อมโยงดังกล่าวจะเกิดเป็นอารมณ์ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความจำในระยะยาว
5. กระตุ้นให้เกิดการแก้ปัญหาในชีวิตจริง
ข้อสุดท้าย Active Learning จะกระตุ้นให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการแก้ไขปัญหา เมื่อเข้าสู่สถานการณ์ที่ต้องแก้ไขปัญหา แทนที่จะรับเพียงข้อมูล นักเรียนจะได้ฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยขั้นตอนนี้จะกระตุ้นทักษะให้เกิดการคิดอย่างสร้างสรรค์และค้นหาคำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงได้
ตัวอย่างของกิจกรรม Active Learning
โครงการแบบกลุ่ม
โครงการแบบกลุ่ม คือ กิจกรรมที่ร่วมมือกัน ที่นักเรียนจะได้ทำงานร่วมกัน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในการทำกิจกรรมโครงการแบบกลุ่ม นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องความอดทน และเรียนรู้การปรับตัวเข้ากับการทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป การร่วมมือกันนั้นสำหรับบางคนอาจคิดว่าเป็นธรรมชาติ และอีกส่วนหนึ่งอาจคิดว่าเป็นความท้าทาย อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมและทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้น ถือเป็นทักษะชีวิตสำคัญที่เด็ก ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ตั้งแต่เยาว์วัย
การโต้วาที
การโต้วาที คือ การอภิปรายแบบเป็นทางการ ซึ่งผู้คนจะสามารถทดสอบทักษะการคิดขั้นสูงและการคิดเชิงวิพากษ์ได้ การโต้วาทีจะสอนให้นักเรียนได้ทำการสืบค้นและแยกแยะความจริงออกจากความเห็นที่ไม่เป็นกลางในชั้นเรียน นอกจากนั้นยังช่วยให้นักเรียนได้แสดงทักษะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และได้เรียนรู้ข้อด้อยของฝ่ายตรงข้าม
การโต้วาทีถือเป็นโอกาสสำหรับนักเรียนที่ไม่มั่นใจ ให้เรียนรู้ที่จะยืนหยัด ใจเย็น และให้ความเคารพเมื่อแสดงความคิดเห็นของตนเอง โดยสรุปแล้ว การโต้วาทีจะทดสอบและเสริมสร้างทักษะของนักเรียนในการวิเคราะห์ประเด็นเดียวกันจากทั้งสองฝั่ง
การละเล่นบทบาทสมมติ
การละเล่นบทบาทสมมติ คือ การแสดงเป็นบุคคลหรือตัวละครในลักษณะที่สนุกสนานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แบบลงมือทำในชั้นเรียน ในการละเล่นบทบาทสมมติ นักเรียนจะได้เรียนรู้ที่จะแสดงบทบาทเป็นผู้อื่นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
กิจกรรมนี้ยังช่วยให้นักเรียนได้ทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงนั้นเป็นเช่นไร การละเล่นบทบาทสมมตินั้น ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้เพิ่มพูนพัฒนาการด้านการรับรู้ อารมณ์ กายภาพ และภาษา
ทางโรงเรียนนานาชาติ D-PREP มีวิธีสนับสนุนการเรียนรู้แบบลงมือทำในชั้นเรียนอย่างไร
โรงเรียนนานาชาติ D-PREP สนับสนุนการเรียนรู้แบบลงมือทำตลอดผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Experiential Learning) ในการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์นั้น นักเรียนจะได้ “เรียนรู้จากการทำ” และสะท้อนผลออกมาตามประสบการณ์ของตนเอง
ที่โรงเรียนนานาชาติ D-PREP นักเรียนจะได้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่าน UOI ซึ่งพวกเขาจะได้วิเคราะห์แนวคิดหลักและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ได้เรียนรู้และความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว
นอกเหนือจากการเรียนรู้และการไตร่ตรอง โรงเรียนนานาชาติ D-PREP ยังส่งเสริมให้นักเรียนทำงานในโครงการที่ได้ช่วยเหลือสังคมภายนอกชั้นเรียนด้วย หนึ่งในตัวอย่างล่าสุดของกิจกรรมดังกล่าวคือ นักเรียนระดับมัธยมต้นได้มีส่วนร่วมในการบริจาคอาหาร และได้ใช้เวลาร่วมกันกับกลุ่มคนไร้บ้านในกรุงเทพมหานคร เพื่อทำความเข้าใจชีวิตของคนกลุ่มดังกล่าว และหาวิธีการที่จะให้ความช่วยเหลือพวกเขา
ภายใต้ระบบการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ นักเรียนระดับมัธยมต้นของทางโรงเรียนนานาชาติ D-PREP ได้เดินทางไปยังเกาะกูด ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาได้เรียนรู้ระบบนิเวศน์ของแนวปะการังและความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้คนในชุมชน นอกจากนั้นพวกเขายังได้ออกสำรวจชุมชนชาวประมงท้องถิ่น โดยการนำของนายกเทศมนตรี ก่อนที่จะไปเพาะชำปะการังเพื่อนำไปปลูกทดแทนลงในแนวปะการัง
หัวใจสำคัญของการสอนในโรงเรียนนานาชาติ D-PREP คือกรอบทักษะในการใช้ชีวิต ในการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์หัวข้อ “Who is Thailand?” นักเรียนจะได้สำรวจผู้คนจากวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งทักษะการใช้ชีวิตที่พัฒนาแล้วนั้น จะทำให้ผู้คนสามารถเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ ในการทัศนศึกษาครั้งนี้ นักเรียนมัธยมต้นได้เรียนรู้ที่จะสัมภาษณ์ผู้คน เช่น นักข่าว และได้รวบรวมเรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในประเทศไทย
จากนั้นพวกเขายังได้ร่วมงานกับช่างภาพมืออาชีพ อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพแบบมืออาชีพลงในโครงการจบการศึกษา ซึ่งถูกจัดทำขึ้นเป็นหนังสือชื่อ “Who is Thailand?”
บทความแนะนำ
หากท่านสนใจเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนสามารถติดต่อได้ที่
Address :
D-PREP International School
38, 38/1-3, 39, Moo 6,
Bangna Trad Rd., Km. 8,
Bang Kaeo, Bang Phli District,
Samut Prakan, Thailand 10540
Email: admissions@dprep.ac.th
เบอร์ติดต่อ: 095-879-4944
Website : www.dprep.ac.th
Facebook: D-PREP International School
Line: @d-prep
IG : @dprepschool