เลือกภาษา

5/5

Open

House

เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว
24 เมษายน 2567

Open House
เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว 20 มีนาคม 2567
ลูกติดมือถือ ติดจอ แก้ปัญหาด้วย 4 กิจกรรมนี้

ลูกติดมือถือ ติดจอ แก้ปัญหาด้วย 4 กิจกรรมนี้

ลูกติดมือถือ แก้อย่างไรดี?

ลูกติดมือถือ ถือเป็นปัญหาเด็กในปัจจุบัน เพราะเด็กๆ มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอมือถือ หรือ ipad

ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ในการชักชวนลูกๆ ให้ออกมาทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่าการนั่งจดจ้องอยู่กับหน้าจอ ซึ่งทำให้กระทบพัฒนาการสำคัญและเสี่ยงต่อการเกิดสมาธิสั้นในระยะยาว 

ผลการวิจัยชี้ชัดว่า เด็กที่ได้เล่น ได้ออกกำลังกาย และได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย จะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น มีสมาธิมากขึ้น มีผลการเรียนที่ดีขึ้น อารมณ์ดี สดใสร่าเริง ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งด้านสุขภาพของเด็กและด้านอื่นๆ ในภาพรวมอีกด้วย

เพราะฉะนั้นวันนี้ D-PREP เลยมีวิธีการสังเกตลูกติดมือถือ ผลเสียของลูกติดมือถือ และวิธีแก้ไขหากเด็กๆ มีอาการเหล่านี้มาให้ผู้ปกครองทุกท่านได้นำไปปรับใช้กัน

ลูกติดมือถือ มีอาการ พฤติกรรมติดโทรศัพท์อย่างไร?

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน มือถือหรือแท็ปเลตจึงเปรียบเสมือน “อวัยวะชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้” ไปแล้ว การที่หน้าจอสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างทันใจ… อยากดูอะไร อยากค้นหาข้อมูลอะไรก็กดหาได้ทันใจ สำหรับบ้านใดที่มีบุตรหลานวัยเรียนจะพบว่าการที่ควบคุมเวลาในการใช้หน้าจอมือถือนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก

การปล่อยให้ลูกอยู่กับมือถือมากเกินไปวันละหลายชั่วโมง อาจทำให้ “เด็กติดมือถือ” โดยสังเกตได้ดังนี้

  • เด็กจะไม่ละสายตาจากหน้าจอ
  • ไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว
  • มีอารมณ์หงุดหงิดเวลาไม่ได้เล่น มีพฤติกรรมก้าวร้าวโมโหร้ายเวลาพ่อแม่บอกให้หยุด
  • เปิดมือถือในขณะทำกิจกรรมอื่นเช่น เปิดมือถือเวลากินข้าว\ทำการบ้าน\ทำงานบ้าน ซึ่งทำให้ขาดสมาธิทำงานไม่เสร็จตามเวลา ไม่มีสมาธิเพียงพอในการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
  • เด็กแอบเล่นมือถือ อดใจไม่อยู่
  • ใช้มือถือนานมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีอาการง่วงซึม อ่อนเพลีย และสายตาอ่อนล้า

ลูกติดโทรศัพท์มือถือ มีผลเสียอะไรบ้าง

หากเด็กใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมือถือ/คอมพิวเตอร์ หรือ แท็ปเล็ตมากเกินไป โดยไม่มีการควบคุมเวลา ย่อมส่งผลเสียอย่างมากมายต่อสุขภาพสายตา, อารมณ์, พฤติกรรม และพัฒนาการทางด้านการเรียนของเด็กอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผลเสียต่างๆนั้นมีมากมายหลายประการเช่น

1. เด็กสมาธิสั้น

เพราะหน้าจอมือถือนั้นตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ เด็กจะรู้สึกว่าเวลากดแล้วได้อย่างใจ แต่ในชีวิตจริงนั้นไม่ว่าทำกิจกรรมใดๆจะต้องใช้เวลาและความอดทนในการรอ ซึ่งถ้าเด็กติดกับการที่ใช้หน้าจอแล้วได้อย่างใจรวดเร็วทุกเมื่อ เด็กจะสมาธิสั้นไม่รู้จักอดทนรอคอย ซึ่งส่งผลต่อการเรียนเป็นอย่างมาก

2. เด็กอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว

เด็กที่ติดมือถืออาจจดจำพฤติกรรมรุนแรงและไม่เหมาะสมอื่นๆมาจากในเกมส์ หรือ youtube ทำให้เกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้น รวมไปถึงทำให้เด็กมีทัศนคติที่มองพฤติกรรมรุนแรงเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดา และจะแสดงออกเช่นกันหากรู้สึกไม่พอใจ, ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือทันทีที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้เล่นมือถือ

3. เด็กอาจมีความเก็บกด

อาการลูกติดมือถือมากจนเกินไปนั้น ปิดกั้นพัฒนาการการเข้าสังคมของเด็ก เมื่อไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนอาจทำให้เด็กรู้สึกเก็บกด ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้ออกไปสูดอากาศสดขึ้นข้างนอกทำให้อารมณ์เสีย รู้สึกไม่สบายใจ ไม่สดชื่นแจ่มใสทำให้มีผลต่ออารมณ์

นอกจากนี้ปัญหาลูกติดมือถือยังทำให้เด็กนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสุขภาพกายที่ย่ำแย่ลง, สายตาแย่ลง ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเรียน, ความสามารถในการสื่อสารแย่ลง รวมไปถึงทำให้พัฒนาการทางสมองนั้นแย่ลง เรียกได้ว่าหากใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมือถือมากเกินไปล้วนส่งผลร้ายที่คาดไม่ถึงกับลูกหลาน

ลูกติดมือถือ แก้ปัญหาด้วยกิจกรรมเหล่านี้!

  • Garden Quest (เกมส์ค้นหาสิ่งของในสวน) : บ้านใครพอมีพื้นที่สนามหน้าบ้าน คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูก ๆ ออกมาเล่นข้างนอก ให้เด็กได้รับอากาศสดชื่นแล้วลองหากิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ อาจเป็นเกมส์ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ในหมวดหมู่เดียวกัน เช่น ให้ลองหาดอกไม้ชนิดต่าง ๆ หาสัตว์ชนิดต่าง ๆ หรือสีต่าง ๆ โดยเน้นอะไรง่าย ๆ ที่เด็กสามารถหามาได้ (สามารถใช้ ipad ถ่ายภาพสิ่งที่เด็กพบเจอได้) หรืออาจเล่นซ่อนหาสิ่งของต่าง ๆ ไว้ภายในสวน แล้วให้เด็กๆ ช่วยกันตามหา อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมทักษะ Design Thinking ให้เด็กๆ ได้วิเคราะห์ วางแผนการค้นหาสิ่งของในสวนได้อย่างสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น
  • Bouncy Ball “catch” (เกมส์วิ่งไล่จับบอล) : เป็นเกมส์ที่ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาอย่างน้อยเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น โดยให้เด็กวิ่งไล่จับลูกบอลที่เด้งไปตามพื้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เด็กได้เคลื่อนไหว เป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุก ได้ออกกำลังกาย และช่วยสร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
  • Move To Play (เล่นและทำกิจกรรมตามใจชอบ) : แบ่งสรรเวลาสำหรับการ “เล่น” ในหนึ่งวัน ซึ่งจะช่วยให้ลูกออกห่างจากมือถือ หรือ ipad ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีส่วนร่วม เพื่อช่วยให้ช่วงเวลาเหล่านี้ดูจริงจังด้วย โดยอาจจะชวนลูกทำกิจกรรมอื่นทดแทน หรือมอบหมายงานบ้านง่ายๆ เช่น รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารปลา เก็บที่นอนของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ลูกได้พักเบรคจากหน้าจอมือถือ หรือในบางครั้งอาจจะทำให้ลูกรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมมือถือไปเลยก็ได้ค่ะ
  • Beat Sabre (เกมส์กระตุ้นการเคลื่อนไหว) : แน่นอนว่าเป้าหมายของผู้ปกครองคือพยายามทำให้ลูกเลิกติดมือถือ แต่หากลูกติดจอเป็นอย่างมาก ก็อาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในเวลาอันสั้น อาจลองหาเกมส์ที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น เกมส์ “Beat Sabre” ใน Oculus VR System ถึงเป็นเกมส์ที่ต้องเสียเงิน แต่ถือว่าเป็นเกมส์ที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย และใช้ไหวพริบในการผ่านด่านแต่ละด่าน โดยจะเห็นว่าหากมีสถานการณ์ใดที่คุณแม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ลูกเล่นเกมส์ ก็สามารถเลือกเกมส์ที่มีประโยชน์ และร่วมเล่นไปด้วยกันกับลูกได้

การจัดเวลาให้เด็กมีโอกาสได้เล่น ทำเรื่องที่ชอบหรืออยากทำ จะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในอนาคต เพราะศักยภาพของเด็กจะถูกพัฒนาได้ดีที่สุด เมื่อเขาได้เล่น ได้ทดลองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และลงมือทำด้วยตัวเอง

ที่ D-PREP Megabangna เรามี Playgroup classes ที่จัดสภาพแวดล้อมและเตรียมสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างเหมาะสมด้วยตนเอง โดยนำหลักการ Play base learning (การเรียนรู้ผ่านการเล่น) ร่วมกับแนวการสอนแบบ Reggio approach มาใช้ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ เรียนรู้การเข้าสังคม และได้พัฒนาทักษะการใช้ชีวิตในภาพรวมอีกด้วย

ในสถานการณ์ Covid 19 ที่ผู้ปกครองหลายคนเป็นกังวล ทาง Dprep มีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัส Covid19 อย่างรัดกุม

สรุปปัญหาลูกติดโทรศัพท์มือถือ

เมื่อลูกติดมือถือหรือติดจอมากเกินไป นอกจากจะทำให้พลาดโอกาสในการออกไปเล่นข้างนอก และไม่มีปฎิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแล้ว ยังทำให้ลูกเสี่ยงต่อภาวะสมาธิสั้น ส่งผลต่อพฤติกรรมและอารมณ์ที่ก้าวร้าว รอคอยไม่เป็น วอกแวก เบื่อง่าย และใจร้อน รวมไปถึงพัฒนาการที่ล่าช้า มีค่าสายตาที่ผิดปกติในอนาคตจากการจ้องหน้าจอนานเกินไป

การตำหนิหรือบังคับลูกอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรค่อย ๆ โน้มน้าว ปลูกฝัง วางกฎกติกา และชักชวนลูกให้ออกมาทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ เพื่อดึงเขาออกมาจากการใช้เวลาอยู่หน้าจอมือถือหรือ iPad ทั้งวัน จนกระทั่งเด็กเลิกติดมือถือไปเองในที่สุด

บทความแนะนำ

หลักสูตรของเราจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการเติบโตด้านบุคลิกภาพของลูกคุณได้อย่างไร?
นัดขอคำปรึกษาได้แล้ววันนี้
หมดกังวลเรื่องหลักสูตร! นัดรับคำปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อคลายข้อสงสัยในทุกมิติ คุณจะได้ค้นพบว่า โปรแกรมของเราตอบโจทย์ความต้องการ และสไตล์การเรียนรู้ที่เฉพาะตัวของลูกคุณอย่างไร สำรองที่นั่งเพื่อทัวร์โรงเรียน หรือทดลองเรียน ฟรี!

Address :
D-PREP International School
38, 38/1-3, 39, Moo 6,
Bangna Trad Rd., Km. 8,
Bang Kaeo, Bang Phli District,
Samut Prakan, Thailand 10540

Email: admissions@dprep.ac.th
เบอร์ติดต่อ: 095-879-4944
Website : www.dprep.ac.th
Facebook: D-PREP International School
Line: @d-prep
IG : @dprepschool

Related Blog

5 วิธีช่วยพัฒนาให้เด็กมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

ความเห็นอกเห็นใจเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญในการพัฒนาทางสังคมและอารมณ์ของเด็ก ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นและความเป็นอยู่โดยรวม โดยทำให้พวกเขาฝึกความเข้าใจและแบ่งปันความรู้สึกของผู้อื่น

วิธีเลือก Career path ที่เหมาะสมให้กับลูก

พ่อแม่ทุกคนปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก และการชี้นำพวกเขาไปสู่เส้นทางอาชีพ หรือ career path ที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของพวกเขา เส้นทางอาชีพเป็นตัวกำหนดชีวิตของเด็ก และในฐานะผู้ปกครอง คุณมีบทบาทสำคัญในการปรับชีวิตให้สอดคล้องกับความหลงใหลและความสามารถของพวกเขา
lifelong learners children

แนะนำ 8 เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกให้เป็น “Lifelong Learners”

เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องการให้ลูกเติบโตด้วยความกระตือรือร้น ต้องการที่จะเรียนรู้อย่างแท้จริง และการเลี้ยงลูกเพื่อให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะทำให้เขาพัฒนาตนเองได้ต่อเนื่องตลอดชีวิต

Unlock Your Child's Potential: Explore Our Curriculum & Connect with Admissions!

Get one-on-one support & tailored advice: Chat directly with our admissions team who will answer your specific questions about the curriculum and guide you through the enrollment process smoothly.